tag:blogger.com,1999:blog-27736704015378091812024-03-09T00:30:29.363+07:00บทความดี | บทความสั้น | บทความดีๆ | ข้อคิดในการใช้ชีวิตAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.comBlogger27125tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-31819941512956869352012-09-30T00:28:00.001+07:002012-09-30T08:49:22.219+07:00ขาว กับ ดำ?<html>
<head><title>บทความดี</title>
</head>
<body>
นิทานเรื่องนี้เล่าต่อกันมานานแล้ว :<br />
เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา <br />
เป็นกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว<br />
เศรษฐีบอกชาวนาว่า “ท่านเป็นหนี้ข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ ข้าจะยกหนีสินให้ทั้งหมด” <a name='more'></a>ชาวนาไม่ตกลง<br />
เศรษฐีบอกว่า “ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว <br />
ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน <br />
และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า <br />
และแน่นอนข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย”ชาวนาตกลงเศรษฐีหยิบกรวดสองก้นใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่า <br />
กรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำเธอจะทำอย่างไร?<br />
หากเธอไม่เปิดเผยความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง หากเธอเปิดเผยความจริง <br />
เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็ยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน<br />
ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน<br />
พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและสีขาวของสวนกรวด<br />
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า “ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น <br />
แต่ไม่เป็นไรในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้ <br />
ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่ากรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร”<br />
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ “…ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว”<br />
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้ และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้นเราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มองปัญหาแบบขาวกับดำ<br />
แต่ไม่ใช่ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้อย่างขาวกับดำเสมอไป<br />
ในทางตรงกันข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบหนทางการแก้ปัญหามีมากกว่าหนึ่งสายเสมอ <br />
และการยืดหยุ่นพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่งโลกไม่มีสีขาวกับดำ
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://www.kwamru.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://www.kwamru.com/</a></b></body></html>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com33tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-67943401741678756072012-09-30T00:03:00.000+07:002012-09-30T08:50:04.535+07:00ปลูกอะไร…ก็จะได้อย่างนั้น<html>
<head><title>บทความดี</title>
</head>
<body>
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเริ่มแก่ตัวลง และต้องการหาคนมาสืบทอดธุรกิจ <br />
แทนที่เขาจะเลือกผู้อำนวยการ หรือ ลูกของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป<br />
เขาเรียกนักบริหารหนุ่มๆในบริษัทของเขามารวมกัน และพูดว่า<a name='more'></a> <br />
“ถึงเวลาที่ฉันจะวางมือและเลือกคนที่จะเป็น CEO คนใหม่แล้วล่ะ” “และฉันก็จะตัดสินใจเลือกคนหนึ่งในพวกคุณนี่แหละ” <br />
พวกหนุ่มต่างรู้สึกช็อค เขาพูดต่ออีกว่า “วันนี้ผมจะให้เมล็ดพืชแก่พวกคุณคนละเมล็ด เป็นเมล็ดพิเศษ คุณต้องดูแลและรดน้ำ <br />
นับจากวันนี้ไปอีก 1 ปี และผมจะตัดสินจากต้นไม้ที่เจริญเติบโตขึ้น ที่พวกคุณนำมาให้ผม คนที่ผมเลือก จะได้เป็น CEO คนต่อไป”<br />
นักบริหารหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ จิม เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มๆที่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น เขาได้รับเมล็ด มา 1 เมล็ด<br />
และนำกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น เขาบอกภรรยา และช่วยกันเตรียมกระถาง ดิน และปุ๋ย เพื่อเตรียมปลูกต้นไม้ <br />
พวกเขาดูแลรดน้ำอย่างดีผ่านไปสามสัปดาห์ พวกนักธุรกิจหนุ่มคนอื่นได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่เขาได้รับและเริ่มเจริญเติบโต<br />
แต่จิมก็เฝ้าดูทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีต้นอะไรงอกออกมา .. 3 สัปดาห์ผ่านไป .. 4 สัปดาห์ ผ่านไป.. 5 สัปดาห์ ผ่านไป <br />
ก็ยังไม่เห็นอะไรในกระถาง
ตอนนี้หนุ่มๆได้พูดถึงต้นไม้กันอีกแล้ว แต่จิมไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขาไม่เห็นต้นไม้ของเขา เขาเริ่มรู้สึกว่าล้มเหลว ผ่านไป 6 เดือน <br />
ก็ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาได้ทำลายเมล็ดนั้นไปซะแล้ว<br />
ทุกๆคนมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้น ยกเว้นจิมที่ไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังคงเฝ้าดูแลรดน้ำต่อไป<br />
ผ่านไปครบ 1 ปี ทุกคนก็ได้นำต้นไม้ไปให้ CEOได้ตัดสิน… จิมพูดกับภรรยาว่า “ผมจะไม่เอากระถางเปล่าๆใบนี้ไปแน่”<br />
ภรรยาบอกเขาว่าให้พูดความจริงออกไปว่ามันเป็นยังไง จิมรู้สึกว่าท้องปั่นป่วนไปหมด เป็นวินาทีที่เขารู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต <br />
แต่เขาก็คิดว่าภรรยาของเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงถือกระถางเปล่าๆ เข้าไปในห้องที่ได้นัดหมายกันไว้<br />
เมื่อจิมมาถึง เขาแปลกใจมากว่า ทำไมต้นไม้ของคนอื่นถึงสวยและแข็งแรงกันหมดทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นกระถางของจิม <br />
ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะเยาะ มี 2-3 คนเท่านั้นที่แสดงความเห็นใจ<br />
เมื่อท่านประธานเข้ามาถึง เขาได้ทักทายทุกๆคน จิมได้แต่แอบหลบอยู่ข้างหลังห้อง <br />
“โอ ทำไมต้นไม้ของพวกคุณถึงได้สวยกันเหลือเกิน เอาละ หนึ่งในพวกคนจะได้เลื่อนเป็นCEO กันวันนี้แหละ”<br />
พอท่านประธานเห็นกระถางของจิม ที่อยู่ข้างหลังห้อง เขาก็บอกให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเรียกจิมขึ้นมาข้างหน้า <br />
จิมรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าท่านประธานคงคิดว่าเขาล้มเหลว และเขาอาจจะถูกไล่ออก<br />
เมื่อจิมเดินมาหน้าห้อง ท่านประธานก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ของคุณ” จิมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง<br />
แล้วท่านประธานก็บอกให้ทุกคนนั่งลง ยกเว้นจิมท่านมองมาที่จิมและก็ประกาศว่า “CEO คนต่อไปก็คือ……. จิม”<br />
จิมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะต้นไม้ของเขาก็ไม่มี เขาจะได้เป็น CEO ได้อย่างไร และแล้วท่านประธานก็พูดว่า <br />
“เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ให้เมล็ดพืชกับพวกคุณทุกคน ให้พวกคุณดูแลรดน้ำมันทุกๆวัน แต่มันเป็นเมล็ดที่ต้มแล้ว ดังนั้น มันจะงอกเป็นต้น<br />ไม้ได้อย่างไร พวกคุณทุกคนยกเว้นจิม นำต้นไม้ที่สวยงามมาให้ผม นี่ก็แสดงว่าเมื่อพวกคุณพบว่าเมล็ดมันไม่งอก <br />
พวกคุณก็เอาเมล็ดอื่นปลูกแทนน่ะสิ จิมเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับความจริง และนำกระถางเปล่าพร้อมกับเมล็ดที่ผมให้มาให้ผม” <br />
“ ดังนั้น ผมจึงแต่งตั้ง จิม ให้เป็น CEO คนต่อไป”<br />
คติธรรม ที่ได้ …<br />
เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ<br />
เมื่อคุณปลูกความดี คุณก็จะได้รับมิตรภาพ<br />
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับความยิ่งใหญ่<br />
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับความสำเร็จ<br />
เมื่อคุณปลูกความพิจารณา คุณก็จะได้รับความละเอียดลออ<br />
เมื่อคุณปลูกความทำงานหนัก คุณก็จะได้รับความสำเร็จ<br />
เมื่อคุณปลูกการให้อภัย คุณก็จะได้รับการคืนดี<br />
ดังนั้น … ตรองดูสักนิดว่าคุณจะปลูกอะไร คุณก็สามารถกำหนดสิ่งที่คุณจะได้รับได้
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://www.kwamru.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://www.kwamru.com/</a></b></body></html>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com37tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-64047054004011468862012-09-29T23:58:00.004+07:002012-09-30T08:50:15.952+07:00ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ<html>
<head><title>บทความดี</title>
</head>
<body>
อาจารย์คนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ..<br />
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า “มีใครอยากได้บ้างไหม” ทุกคนรีบยกมือ \(^o^”)a<br />
อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น “จบยับยู้ยี่” .. แล้วถามอีกครั้งว่า “มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่”<a name='more'></a><br />
.. ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม .. \(^_^)/<br />
… อาจารย์ถามต่ออีกว่า “ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก <br />
ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่” .. นักศึกษาทุกคน ก็ตอบว่ายังอยากได้ …..อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า ..<br />
“นั้นคือสิ่งมีค่า” ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้! .. ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็ยังคงจะมีราคา 1,000 บาท <br />
อยู่เสมอ .. ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน<br />
บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใคร ซ้ำเติม, เหยีบย่ำ, ถูกขยี้, ยับเยิน, ..<br />
เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเอง “ไร้ค่า”<br />
แต่ รู้มั้ย?.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี “คุณค่าของความเป็นคน” ..<br />
ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือว่า ยับยู้ยี่ .. “ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ” จำไว้ ^^
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://www.kwamru.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://www.kwamru.com/</a></b></body></html>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com34tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-60147317502475776342012-09-29T23:57:00.001+07:002012-09-30T08:50:37.622+07:00ธนาคารเวลา<html>
<head><title>บทความดี</title>
</head>
<body>
บทความนี้ เมื่อท่านอ่านจบ ให้ถามตัวเองว่า<br />
” สิ่งไหนที่สำคัญ สิ่งนั้นทำแล้วหรือยัง ? ”<br />
” คนไหนที่เรารัก ทำดีกับเค้าแล้วหรือยัง ? ”<br />
ลองจินตนาการว่ามีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้า เป็นเงิน 86,400 บาท ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น <br />
ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว่างวัน <br />
คุณจะทำอย่างไร?<a name='more'></a> แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช่ไหม!!!<br />
เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า “เวลา” มันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที <br />
ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีถือว่าขาดทุนตามจำนวนที่คุณพลาดโอกาสที่จะลงทุนในสิ่งดีๆ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ <br />
ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวันจะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือของทั้งวันออกหมด <br />
ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ <br />
ไม่มีการถอนของ “วันพรุ่งนี้” มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ <br />
ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนมาสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ! <br />
นาฬิกากำลังเดิน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด<br />
ทำทุกขณะที่คุณมีให้มีคุณค่า! และจำไว้เสมอว่าเวลาไม่คอยใครแม้สักคนเดียว เมื่อวานเป็นอดีต <br />
พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย วันนี้เป็นของขวัญ เราจึงเรียกว่า “Present
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://www.kwamru.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://www.kwamru.com/</a></b></body></html>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com21tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-9384865700069261482012-07-23T18:13:00.004+07:002012-09-30T08:50:58.940+07:00ความผิดพลาด<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
เมื่อสุนัขตกจากสะพานชำรุดสู่ลำน้ำ<br />
มันรีบว่ายขึ้นฝั่ง เชิดหน้า สะบัดขน<br />
ไม่บ่นว่า หรือด่าทอสะพาน<br />
และก็ไม่ร้องขานแก้ตัว<br />
ไม่มีสัตว์โลกชนิดใดเลย<a name='more'></a><br />
ที่จะแก้ตัวให้กับความผิดพลาดของมัน<br />
มันจะทำในสิ่งที่เหมาะสมกว่า<br />
นั่นคือ เริ่มต้นใหม่อย่างไม่ประมาท<br />
เมื่อบริสุทธิ์อย่างแท้จริง<br />
ไยต้องพะวงกับการกล่าวหา<br />
ยามผิดพลาดอย่าพะวงถึงการแก้ตัว<br />
ใช้รอยยิ้ม และการกระทำดีแทนการแก้ตัวเถิด
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com23tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-73029547282966812052012-07-23T18:12:00.002+07:002012-09-30T08:51:27.842+07:00การรับผิดชอบ<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
เมื่อช่างไม้สร้างบ้านสำเร็จลง<br />
ก่อนส่งมอบแก่เจ้าของ<br />
ความหวั่นวิตก ไม่ทำให้บ้านแข็งแรงขึ้น<br />
เมื่อครูสอนศิษย์ด้วยความตั้งใจดี<br />
การห่วงกังวล ไม่ทำให้ศิษย์พบความสมหวัง<br />
การรับผิดชอบ<br />
คือการยอมรับความเป็นจริงเฉพาะหน้า<br />
ผู้รับผิดชอบย่อมมั่นคง<br />
และแย้มยิ้มอยู่ได้ ในทุกสถานการณ์<br />
เพราะ<a name='more'></a>ความมั่นคงและรอยยิ้ม<br />
สามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้าย<br />
ให้ดีขึ้นได้อย่างน่าประหลาด<br />
กิจของผู้รับผิดชอบ<br />
สั้น เรียบง่าย และจำเป็นต่อชีวิต<br />
ไร้ความสั้น เรียบง่าย และจำเป็นต่อชีวิต<br />
ก็คือไร้การรับผิดชอบ<br />
<blockquote>อย่าเรียกหาความทุกข์แต่จงต้อนรับด้วยดีเพราะความทุกข์เป็นเพื่อนและพลังเพียงระวังอย่าให้มันลามปาม
</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com11tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-976422493397086332012-07-23T18:11:00.001+07:002012-09-30T08:51:54.555+07:00สิทธิ์อันชอบธรรม<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
สิทธิ์เกิดจากการเรียกร้องเอาจากผู้อื่น<br />
ไม่ใช่สิทธิ์ที่นำมาซึ่งความปรกติสุขเสมอไป<br />
สิทธิ์ที่มนุษย์ควรจะได้นั้น<br />
ไม่จำเป็นต้องแสวงหา<br />
ไม่ต้องเรียกร้อง ต่อสู้<br />
ไม่ต้องสร้างหรือทำลายสิ่งใดเพื่อสิทธิ์<br />
เพราะสิทธิ์นั้นมีพร้อมอยู่แล้วในทุกผู้ทุกนาม<br />
เมื่อเห็นว่าไม่ถูกต้องเราก็ไม่ยุ่งเกี่ยว<br />
เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสม<a name='more'></a> เราก็ไม่เชื่อถือ<br />
เมื่อเห็นว่าต้องสู้ เราก็สู้ด้วยใจและวิธีของเรา<br />
สิ่งเหล่านี้หรือมิใช่ที่เป็นสิทธิ์ของมนุษย์<br />
บุคคลจำนวนมาก<br />
ละทิ้งสิทธิ์อันชอบธรรมของตน<br />
เพื่อไปแสวงหากากเดนของสิทธิ์ภายนอก<br />
นี่เท่ากับเขาขาดสิทธิ์แห่งความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-7504667893001475492012-07-23T18:10:00.000+07:002012-09-30T08:52:23.891+07:00ความรัก<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ความรักคือความพร้อมที่จะช่วยเหลือและรับผิดชอบ<br />
ดังนั้นจึงเสียสละและกระทำได้บนความเบิกบานใจ<br />
ความรักมีพฤติกรรมอันจำกัดรูปแบบมิได้<br />
ดังนั้นจึงอยู่เหนือการอ้างอิง และวิจารณ์<br />
ความรักไม่เรียกร้อง และไม่หวาดระแวง<br />
ดังนั้นไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นล้วนมั่นใจในรักเสมอ<br />
ความรักไม่อาจเสาะหา แต่ให้ได้ไม่รู้หมด<br />
ดังนั้นยิ่งเสาะหายิ่งหาไกล ยิ่งให้ยิ่งมีมากขึ้น<br />
ความรักทำลายความกลัว และ<a name='more'></a>ความเศร้าหมอง<br />
ดังนั้นจึงปลดเปลื้องพันธนาการแห่งความลุ่มหลง<br />
ความรักเป็นสัมพันธภาพที่เหนือกว่าพันธะทั้งมวล<br />
ดังนั้นความรักเท่านั้นที่จะสร้างสันติภาพขึ้นได้<br />
ความรักหล่อเลี้ยง และเป็นพลังที่แท้จริงของชีวิต<br />
ดังนั้นไร้รัก ชีวิตก็ย่อมจืดชืด และสิ้นคุณค่า<br />
<blockquote>ความรักย่อมไม่ปฏิเสธสิ่งใดแม้กระทั่งความเกลียด</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com14tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-22669780720964955142012-07-21T22:19:00.002+07:002012-09-30T08:52:56.197+07:00ผู้เป็นที่รัก<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ขณะใดเรียกกำลังหาความรัก<br />
ขณะนั้นย่อมรักใครไม่ได้<br />
ผู้ใดร้องขอความรัก<br />
แน่นัก ว่าเขารักใครไม่เป็น<br />
ผู้ที่ไม่ร้องขอความรัก<br />
เขาจึงแจกจ่ายความรักของเขาได้<br />
ผู้ที่ต้องการให้ผู้อื่นนิยมตน<br />
เขาย่อมไม่เป็นตัวของเขาเอง<br />
จงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และ<a name='more'></a>สรรพสัตว์<br />
โดยมิได้หวังความเป็นที่รักตอบแทน<br />
ความเป็นที่รักที่แท้จริง<br />
จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้น
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com13tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-33021101065983824192012-07-21T22:17:00.000+07:002012-09-30T08:54:04.038+07:00คู่รัก คู่ชีวิต<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
สรรพสัตว์ล้วนมีคู่ครอง<br />
มนุษย์ควรมีคู่รัก<br />
เพื่อพึ่งพาซึ่งกันและกัน<br />
ภายใต้การนำของความรัก<br />
คู่รัก ควรเป็นคู่ชีวิต<br />
ที่ดำเนินชีวิตไปด้วยกัน<br />
แต่ต้องไม่ครอบครองกันและ<a name='more'></a>กัน<br />
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน<br />
แต่ไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกัน<br />
ร่วมปรึกษาหารือกัน<br />
แต่ต้องไม่ครอบงำความคิดของกันและกัน<br />
คู่รัก คู่ชีวิต ที่แท้จริง<br />
ต้องให้อิสระเสรีแก่กันและกัน<br />
ในการที่จะมีชีวิตอยู่<br />
เพื่อที่จะได้เป็นคนๆเดียวกันอย่างแท้จริง<br />
<blockquote>ความรักเป็นพระพรเพื่อความสุนทรีของชีวิต</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com11tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-25107310179192661552012-07-20T19:32:00.004+07:002012-09-30T08:56:48.548+07:00การสืบพันธุ์<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
โดยธรรมชาติแล้ว<br>
สิ่งมีชีวิตต้องมีการสืบเผ่าพันธุ์<br>
เพื่อให้ชีวิตยังคงอยู่ต่อไปได้<br>
การสืบพันธุ์<br>
เป็นความต้องการของธรรมชาติ<br>
การร่วมประเวณี<br>
มิควรระบุตายตัว ว่า<a name='more'></a>เป็นการสูญเสีย<br>
หรือได้มาซึ่งพรหมจรรย์<br>
จิตใจของผู้ร่วมประเวณีต่างหาก<br>
ที่จะบอกว่า สูญเสีย หรือได้มา<br>
อย่ารังเกียจการปฏิเสธการสืบพันธุ์เลย<br>
เพราะถ้าปฏิเสธโดยไร้ความเห็นแจ้ง<br>
ก็นับเป็นการสืบพันธุ์อย่างหนึ่ง<br>
แต่เป็นพันธุ์แห่งความเห็นผิด
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-10994966828445046502012-07-20T19:30:00.000+07:002012-09-30T08:57:27.300+07:00การสร้างสรรค์<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
มวลมนุษย์ยิ่งพยายามสร้างสรรค์<br>
ดูเหมือนโลกยิ่งวุ่นวายไม่รู้จบ<br>
การสร้างสรรค์ที่แท้<br>
คือการนำความปกติสุขมาสู่สรรพชีวิต<br>
ถ้าไม่เข้าใจความจริงของชีวิต<br>
ก็อย่าคิดสร้างสรรค์อะไรเลย<br>
เรื่อง<a name='more'></a>ราวภายในของชีวิตไม่ต้องสร้างสรรค์<br>
เพียงแต่รู้เท่าทันการสรรค์สร้าง<br>
ปล่อยให้ธรรมชาติเดิมแท้ในตน<br>
กระทำกิจทั้งหลายไปตามกระแสแห่งธรรมชาติ<br>
แต่โบราณกาลมาแล้ว<br>
พระอริยบุคคลทั้งหลาย<br>
ก็กระทำโดยมิได้กระทำดังนี้<br>
<blockquote>ความดีย่อมปิดฉากลงด้วยการบังคับให้กระทำ</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-20409019199387318782012-07-19T21:06:00.001+07:002012-09-30T08:57:50.240+07:00ศิลปที่แท้<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ศิลปคือความงาม<br />
ที่ไม่อาจใช้เหตุผลบรรยายให้ซาบซึ้งได้<br />
ศิลปแสดงความรัก และความพอใจ<br />
ทั้งเกิดขึ้นและสำเร็จลงด้วยสิ่งนั้น<br />
ศิลปไม่ต้องการคำรับรอง<br />
เพราะ<a name='more'></a>ศิลปเป็นศิลปสำหรับผู้มีศิลปเท่านั้น<br />
บุคคลที่ให้เวลากับศิลปเพื่อศิลป<br />
เขาก็คือศิลปิน<br />
ไร้อารมณ์ศิลปิน<br />
สัมผัสสิ่งใดก็ไม่หยั่งถึงแก่นของศิลป<br />
ศิลปินที่แท้<br />
ดำรงอิสระ และเสรีภาพไว้มั่นคง<br />
ศิลปินที่ไม่มีอิสระเสรีก็ไม่นับเป็นศิลปิน<br />
และผลงานของเขา ก็ไม่อาจนับเป็นศิลปที่แท้<br />
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-39246145579553421292012-07-19T21:04:00.001+07:002012-09-30T08:58:17.496+07:00ผลงานของความรัก<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ไม่มีใครทำอะไรได้ทุกสิ่งทุกอย่าง<br>
แต่ในสิ่งที่สามารถทำได้นั้น<br>
มนุษย์ที่แท้จริง<br>
ย่อมไม่รีรอที่จะกระทำอย่างจริงจัง<br>
ถ้าจะกระทำ<br>
จงกระทำด้วยความรักที่จะกระทำ<br>
อย่ากระทำเพื่อหวังผลของการกระทำ<br>
ผลงานที่สำเร็จลงด้วยความรัก<br>
แม้<a name='more'></a>ดูประหนึ่งง่ายๆ<br>
แต่ก็ยิ่งใหญ่ และงดงามสำหรับผู้มีความรัก<br>
แม้นปราศจากความรักเสียแล้ว<br>
ถึงงานจะสำเร็จ<br>
แต่ก็สำเร็จอยู่ในความล้มเหลว<br>
ด้วยว่าผลของงานนั้น<br>
ไร้ความรักฉาบทา<br>
<blockquote>การทำสิ่งใดเพื่อวันข้างหน้าต้องไม่ให้เสียปรกติสุขในวันนี้</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-2125819449750567642012-07-18T20:46:00.002+07:002012-09-30T08:58:50.519+07:00ความสำเร็จ<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
แม้ว่าลาจะร้องเสียงจิ้งหรีดได้<br>
มันก็เป็นความล้มเหลว มากกว่าความสำเร็จ<br>
ทางแห่งความสำเร็จของชีวิต<br>
ไม่อาจหลอกเลียนแบบกันได้<br>
ผู้มีทัศนะคับแคบงมงายเท่านั้น<br>
ที่จะเลียนแบบวิถีแห่งความสำเร็จของผู้อื่นได้<br>
ความพยายามของตัวเอง เพื่อตัวเอง<br>
ไม่อาจช่วยให้<a name='more'></a>ชีวิตพบความสำเร็จที่แท้จริงได้<br>
เพราะความพยายามเช่นนี้อยู่ที่ไหน<br>
ความสำเร็จที่แท้จริงก็หาอยู่ด้วยไม่<br>
จะมีก็แต่ความสำเร็จจอมปลอม<br>
ที่กว่าจะได้มาก็ต้องทุกข์ทรมาน แสวงหา<br>
การเข้าใจความจริงของชีวิตนั่นเอง<br>
คือความสำเร็จของชีวิต<br>
และการใช้ชีวิตเพื่อสรรพชีวิต<br>
ก็คือหนทางของความสำเร็จ
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-78072101439007659652012-07-18T20:44:00.001+07:002012-09-30T09:01:02.926+07:00เห็นแก่ตัว<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
หนอนกินผัก<br>
สนัขกัดรองเท้า<br>
เป็นความเห็นแก่ตัวหรือ<br>
ถ้ามันไม่รู้ว่าสิ่งที่มันกำลังทำนั้นผิด<br>
ปลากัดกินลูกน้ำ<br>
กาฝากเกาะกิ่งไม้<br>
เป็นความเห็นแก่ตัวหรือ<a name='more'></a><br>
ถ้ามันมีโอกาสเลือกได้ มันจะทำเช่นนั้นหรือ<br>
ชาวนาถอนหญ้าในนาข้าว<br>
ข้าศึกประหัตประหารกันในสมรภูมิ<br>
นี่ก็เรียกว่าความเห็นแก่ตัวหรือ<br>
ถ้าหน้าที่ไม่บังคับ เขาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ทำแล้ว<br>
กระทำเถิดถ้ามันจำเป็นต้องกระทำ<br>
เพื่อความอยู่รอดของชีวิตเฉพาะหน้า<br>
จงเป็นปรกติสุขเถิด<br>
ถ้ามิได้กระทำเกินกว่า ความจำเป็น<br>
<blockquote>มีแค่คนซึ่งไม่เข้าใจตนเองเท่านั้นที่พยายามทำให้ผู้อื่นเข้าใจตน</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-79566223544114402442012-07-17T19:18:00.000+07:002012-09-30T09:01:35.819+07:00การพัฒนาครูสู่ครูมืออาชีพ<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
การพัฒนาครูอาจารย์ก็เหมือนการพัฒนาประเทศ พัฒนาโลก หากครูซึ่งเป็นผู้ประสาทวิชาขาดแนวทางในการพัฒนาตนแล้ว
คงจะไม่สามารถพัฒนาคำสอนหรือบทเรียนให้ทันตามโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ ลองอ่านกันดูนะครับ<a name='more'></a><br>
1. ครูจะมีการเตรียมตัวก่อนเข้าสอน เช่นวางขั้นตอนในการสอนว่าจะเริ่มสอนอะไรก่อน - หลัง และตามด้วยอะไรเป็นลำดับขั้นไว้ล่วงหน้า<br>
2. ในการสอนไม่ควรปล่อยเวลาว่างให้มากหรือน้อยเกินไป เพราะนักเรียนจะเล่น และคุยกัน ควรวางลำดับขั้นตอนการสอนให้ต่อเนื่อง<br>
3. ควรสบตากับนักเรียน และมั่นใจในขณะสอนและคิดไว้เสมอว่านักเรียนไม่รู้เท่าเรา (หากเรามีการเตรียมตัว เราจะมีความมั่นใจ)<br>
4. เมื่อนักเรียนคุย ควรติติงว่าอย่าคุยให้ตั้งใจเรียน (การเรียกชื่อติติงจะแสดงถึงความเอาใจใส่นักเรียนทำให้นักเรียนสนใจมากขึ้น)<br>
5. พยายามรักและมีความยุติธรรมต่อเด็กและให้โอกาสแสดงออกเสมอกัน<br>
6. ชมเชยเมื่อนักเรียนทำงานถูกต้องหรือทำความดี<br>
7. ทำโทษเด็กเมื่อนักเรียนทำผิด ถ้าไม่ผิดอย่าลงโทษเด็ดขาด<br>
8. ควรเก็บอารมณ์ หรือความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อนักเรียนไว้ไม่ให้ปะปนกับเรื่องการเรียน<br>
9. เรียกถามตอบบ้างให้เขาได้พูดหรือแสดงออกบ้างโดยวิธีต่างๆ เขาจะไม่เบื่อและสนุกสนานในการเรียน<br>
10. เอาใจใส่นักเรียนให้สม่ำเสมอ ไม่ถือตัว ไม่รังเกียจเขา<br>
11. ควรคำนึงถึงความสามารถในการเรียน และเวลาที่เขาจะเรียนได้ เด็กแต่ละช่วงอายุมีความสามารถในการสนใจเรียนเท่าใด เช่นเด็ก ป.1 – ป.3 ไม่เกิน 20 นาทีติดต่อกัน<br>
12. รักและเอ็นดูเขาไม่ใช้คำด่าทอที่รุนแรง ดูถูก เหยียดหยาม<br>
13. นักเรียนบางคนมีปมด้อย หรือมีปัญหาครอบครัว ก็ให้เป็นกันเองกับเขาเห็นใจและสงสารเขาอย่ารังเกียจซ้ำเติม<br>
14. อย่าลำเอียงและให้ความใส่ใจนักเรียนที่เรียนอ่อนบ้าง เขาจะไม่เกเรหรือก้าวร้าว<br>
15. มอบสิ่งเล็กๆน้อยๆแก่นักเรียนที่ยากจนขัดสน เช่นให้ดินสอ ยางลบ ฯลฯ หรือขนมบ้างพอสมควร<br>
16. ให้สัมผัสที่อบอุ่น และจริงใจ เช่นแตะแขน แตะไหล่ เพื่อเป็นการปลอบใจในเวลาที่เหมาะสม<br>
17. ครูต้องแม่นในเนื้อหา อย่าแก้ปัญหาโดยพูดมั่วๆ<br>
18. ในเวลา 1 คาบไม่ควรใส่เนื้อหาสาระมากมายนักเรียนจะไม่ได้อะไรเพราะจำไม่ไหวเกิดอาการล้าควรใส่เนื้อหาให้เหมาะสม จะง่ายในการจดจำ<br>
19. ปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระสบายๆ บ้าง ไม่เข้มงวดกวดขันจนเกินไป<br>
20. พูดจาให้สุภาพอ่อนโยน ควรมีเมตตา และถามไถ่ เรื่องส่วนตัวเขาบ้างตามสมควร<br>
21. อย่าเอาเรื่องปมด้อยเด็กมาพูดเป็นเรื่องสนุก และไม่ดูถูก ควรให้กำลังใจ<br>
22. หากเด็กเจ็บป่วย ควรให้ความสนใจ สงสารและดูแลเขา หากอาการหนักควรเป็นธุระแจ้งผู้ปกครอง หรือพาไปส่งโรงพยาบาล<br>
23. สอนให้นักเรียนรู้จักหน้าที่มีคุณธรรม และจริยธรรม<br>
24. สอนให้เขาเห็นความสำคัญของการศึกษาในการอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น<br>
25. สอนให้รัก และมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะ พ่อ-แม่<br>
26. สอนให้รักบ้านเกิดเมืองนอน ประเทศชาติ และเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์<br>
27. ปลูกฝังค่านิยมไทย โดยครูเป็นตัวอย่าง เช่นทักทายกันด้วยการไหว้<br>
28. ครูเป็นตัวอย่างในการแต่งกาย ควรแต่งกายให้เหมาะสม และรู้จักการออมประหยัด<br>
29. สอนให้ความรู้โดยไม่ปิดบัง<br>
30. ให้เวลาพักบ้าง ถ้าเรียน 2 ชั่วโมงต่อกัน เมื่อนักเรียนหนักสมอง<br>
31. เมื่อเข้าสอนควรถามนักเรียนก่อนว่า เมื่อชั่วโมงที่แล้วนักเรียนเรียนวิชาอะไรครูให้ทำอะไร เช่นครูให้คัดไทย ในชั่วโมงเราก็หลีกเลี่ยงการให้คัดเขียนมาก<br>
32. เห็นคุณค่าของเขาว่าถ้าไม่มีพวกเขาเราจะทำอะไรกิน เขาเป็นมันสมองของชาติ (เด็กฉลาดชาติเจริญ)<br>
33. ยามเราทุกข์ เครียด เขาช่วยเราได้เมื่อได้ใกล้ชิด เพราะเขาน่ารักบริสุทธิ์และจริงใจ<br>
34. เขาเป็นแขนขาให้เราได้ยามเราเหน็ดเหนื่อย เขาช่วยหยิบจับรับใช้และบางครั้งก็แนะนำอะไรๆ กับเราได้<br>
35. ให้อภัยเขาหากเขาก้าวร้าวล่วงเกินเรา<br>
36. ลืมปัญหาหรือความไม่สบายใจของเราไว้ก่อน เมื่อเข้าสอน<br>
37. อาจเล่าปัญหาของเราให้นักเรียนฟังบ้าง เขาก็จะเข้าใจเรา เราก็จะสบายใจเช่นเราอาจเล่าให้นักเรียนฟังว่า <br>
"นักเรียนเนี่ย เมื่อวานนี้ลูกครูโดดเรียนไม่เข้าเรียน ความประพฤติแย่ลงทุกวัน ครูละกลุ้มใจจังเลย หนูอย่าเอาอย่างนะ พ่อ-แม่ จะกลุ้มใจนะลูก" พูดคุยยิ้มแย้ม พูดเล่นกับเขาบ้าง<br>
38. สังเกต ทดสอบความรู้พื้นฐานของนักเรียน แล้วจึงจัดเตรียมการสอนให้นักเรียนรับได้เรียนรู้เรื่องเมื่อเราประจักษ์ เช่นนี้แล้ว แล้วลองปฏิบัติดูเราจะเป็นครูมืออาชีพได้<br>
<blockquote>
โดย ครูสุริยา แก้วลาย
โรงเรียนวัดบ้านพร้าวใน อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
</blockquote>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-81851636244821086292012-07-17T19:06:00.003+07:002012-09-30T09:02:37.950+07:00มีไปทำไม<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
มีไปทำไม<br>
มีเงินเป็นแสนเป็นล้าน แต่ใช้จริงวันละไม่ถึงร้อย<br>
มีบ้านใหญ่โตคล้ายกับวัง แต่อยู่กันแค่ 4 คน พ่อแม่ลูก<br>
มีรถนับสิบสิบคัน แต่ใช้งานจริงเพียงคันเดียว<br>
มีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลัง<br>
มีนาฬิกาแสนแพง แต่<a name='more'></a>ไม่เคยทำอะไรตรงเวลา<br>
มีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่น<br>
มีกฏหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมือง<br>
มี ส.ส. อยู่เต็มสภาพ แต่มาประชุมไม่เคยครบเลย<br>
มีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนิบัติท่านเลย<br>
มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย<br>
มีภรรยาแสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลย<br>
มีลูกแสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลย<br>
มีพระไตรปิฏกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษาเลย<br>
มีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศีลธรรมของสังคมแย่ลงทุกวัน<br>
มีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่<br>
มีพี่น้องนับ สิบคน แต่แตกสามัคคีกันทุกคน<br>
มีมือมีเท้าสมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลย<br>
มีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลย<br>
มีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งที่ดีเลย<br>
มีเท้าอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยเดินเข้าหาโอกาสเลย<br>
มีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณ์เป็นใหญ่<br>
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-68208009925978483652012-06-20T18:22:00.000+07:002012-09-30T09:02:58.310+07:00นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝนต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน<br />
ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้<br />
ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวันก็ยังโง่เหมือนเดิม<br />
นัยอันลึกล้ำของคำว่า <b>"ขอบคุณ"</b><br />
ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้<br />
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ<br />
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ<br />
ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้<a name='more'></a>ฉลาดยิ่งกว่าเดิม<br />
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่<br />
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ<br />
ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์<br />
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่<br />
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ<br />
ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่<br />
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ<br />
ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน<br />
ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น<br />
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน<br />
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ...<br />
โดยท่าน ว. วชิรเมธี <br />
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-87913126211617697442012-06-19T17:34:00.000+07:002012-09-30T09:03:32.703+07:00คำพ่อสอน<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น″ />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
<b>"...</b>
ความเข้มแข็งในจิตใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องฝึกฝน เพราะว่าต่อไปถ้ามีชีวิตที่ยากลำบาก <br />
ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ้าไม่มีความอดทน ไม่มีความรู้ ไม่มีทางที่จะผ่านอุปสรรคนั้นได้ <br />
เพราะ<a name='more'></a>ว่าถ้าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเราได้ แต่ถ้ามีความรู้ มีอัธยาศัยที่ดี <br />
และมีความเข้มแข็งในกาย ในใจ ก็สามารถที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ นั้นได้ ความเข้มแข็งในใจนั้น หมายความว่า <br />
ไม่ท้อถอย และไม่เกิดอารมณ์มาทำให้โกรธ อารมณ์นั้นก็คือ ความโกรธ ความฉุนเฉียว ความน้อยใจ <br />
ทั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คิดไม่ออก
<b>..."</b>
<br /><br />
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต<br />
วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-75630784995427266992012-06-19T17:28:00.000+07:002012-09-30T09:03:55.218+07:00ถ้ามนุษย์ไม่มีธรรมะ<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น″ />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ถ้าเอา ธรรมะออกไปแล้ว มนุษย์จะเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ไม่มีธรรมะแล้ว<br />
นักเลงเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีความผาสุกเลย ในโลกสัตว์เดรัจฉานไม่<a name='more'></a>มีอันธพาลอย่างนี้<br />
ไม่มีอันธพาลขนาดที่ว่า เอาก้อนหินมาดักรถยนต์ให้สะดุดแล้วล้มคว่ำ แล้วก็มาปล้นเอาของในรถยนต์<br />
ถอดเอาเสื้อผ้าของคนในรถเหลือแต่กางเกงในนั้น สัตว์เดรัจฉานทำไม่ได้<br />
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-21988065819671229152012-06-18T17:11:00.001+07:002012-09-30T09:04:37.472+07:00คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น″ />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน <br />
แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีมูลค่าสูง<br />
วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง <br />
ก็มากระตุกชายเสื้อเขา เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม<br />
เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว <br />
ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ? เด็กบอกอย่างสุภาพเรียบร้อย<br />
อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา<br />
เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว เขานับ…แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น <br />
ไหนว่ามีเจ็ดต ัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ? เด็กชายถาม<br />
เจ้าของร้านตอบว่า อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี<br />
มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้<br />
สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว <br />
มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน<br />
ลูกสุนัขมองมาทาง<a name='more'></a>เด็กชายแล้วครางงี้ดๆ เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ<br />
อยู่ตลอดเวลา มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย ท่าทางจะชอบเขามาก<br />
เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ? ปกติ <br />
อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ เจ้าของร้านตอบ<br />
เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น<br />
ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้ เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ<br />
เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย<br />
เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า ทำไมครับ <br />
ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?<br />
ก็อย่างที่หนูเห็นนั่นล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว <br />
เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม?<br />
เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า คุณอาดูอะไรนี่สิครับ<br />
ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น<br />
เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข <br />
แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้<br />
คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ วิ่งก็ไม่ได้ <br />
กระโดดก็ไม่ได้ อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?<br />
เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา<br />
เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท <br />
เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้ <br />
เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?<br />
เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ <br />
พลางกล่าวขออภัยในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป<br />
เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้ <br />
และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กคนนี้ พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก<br />
<br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b></p>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-75423932358345024802012-06-17T15:34:00.000+07:002012-09-30T09:05:05.063+07:00วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ ที่ลูกทุกคนควรอ่าน<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น″ />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ตึกเซนต์หลุยมารี แผนกประถม ราวปี พ.ศ. 2539<br />
เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น...มิสค่ะ...ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องนะคะ<br />
โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชา<br />
สัมพันธ์ ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูประจำชั้น ป.4 <br />
รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะจำได้ว่านัดหมายแค่คุณแม่ท่านเดียวเท่านั้นในวันนี้<br />
เอ...ใครละเนี่ย จะมีเรื่องอะไรรึปล่าวนะ เมื่อมาถึงห้อง อาจารย์หญิงแทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน<br />
หากแต่รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว<br />
อย่างไรก็ตาม มิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรกเข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดหมาย โดยเก็บงำความแปลกใจไว้<br />
หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ จึงได้เชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยใน<a name='more'></a>ห้องรับรอง<br />
ภาพแรกที่ได้เห็นชัด ๆ ทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม<br />
คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูกเพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา<br />
ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาบอกว่าอายพื่อนที่แม่ใส่แขนเทียม กลัวโดนเพื่อนล้อ ว่า แม่แขนเดียว แม่เป็นหุ่นยนต์หรอ<br />
อะไรนี่นะคะ เลยไม่ได้มา น้ำเสียงคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ<br />
มิสอุไรพร ขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม เมื่อได้ทราบความจริง<br />
ครูสาวตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องจัดการเรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่ หากปล่อยเรื่องนี้ไป...<br />
จะเป็นบาปติดตัวเด็กไปภายหน้า ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อน<br />
ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก มิสอุไรพร จึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟัง<br />
เรื่องราวที่ว่านั้น ความดังนี้...<br />
วันที่ 21 สิงหาคม 2536 หลังวันแม่ไม่กี่วัน… ครอบครัวหนึ่งเดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล <br />
ประกอบด้วย พ่อแม่และลูกชายอีกสามคน พวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคัดดินเล็ก ๆ <br />
ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติโดยมีคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน<br />
ส่วนคุณแม่เดินตามหลังกับลูกชายคนเล็ก<br />
ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำซึ่งมีใบพัดเหล็กสูงจากคันดินราว 25 ซม.<br />
คุณพ่อและลูกชายคนโตสองคนข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครฉุกคิดระวังถึงเหตุร้าย<br />
แต่แล้วลุกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่องขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่และ<br />
ฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก ถ้าเป็นพวกคุณ คุณจะทำอย่างไร...<br />
มิส หยุดเรื่องไว้ เพื่อซักถาม มองหน้านักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น<br />
แต่นักเรียนรู้มั้ยว่า คุณแม่ท่านตัดสินใจอย่างไร คุณแม่ไม่ยอมเสียเวลาคิดอะไรเลยท่านรีบดึงตัวลูกเอาไว้<br />
แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดไว้ก่อน...
ใบพัดหมุนแขนของคุณแม่เข้าไป...คนงานที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบปิดเครื่องแต่แรงเฉื่อยยังทำให้ใบพัดหมุนด้วยกำลัง...<br />
แรงเสียจนกระชากแขนซ้ายคุณแม่ ขาดสะบั้นลง !<br />
คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันทีท้องร่องบริเวณนั้นแดงฉานไปด้วยเลือด...<br />
เลือดของแม่...<br />
ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็กจนกระดูกหัก แต่ไม่ขาด ไม่ขาดเพราะ<br />
แขนซ้ายของแม่ขาดแทน...ไม่ขาด เพราะแม้ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ<br />
มือขวาของแม่ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย...<br />
คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกน เอะอะโวยวายของคนงาน<br />
พร้อม ๆ กับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช๊อกแทบสิ้นสติ...<br />
คุณพ่อรีบกระโจนพรวดเดียวถึงตัวแม่และลูกน้อย...<br />
แต่...มันสายเกินไปแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ คือ รีบพาทั้งสองส่งโรงพยาบาลทันที<br />
ผลการรักษา คุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนที่ขาดไป ส่วนลูกชายคนเล็ก ที่ขาหักต้องพักฟื้นนานราวสามเดือน<br />
จึงสามารถเดินได้ เป็นปกติ<br />
มิสอุไรพร กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง แล้วถามว่า นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญไหมคะ<br />
เด็ก ๆ พากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า หลาย ๆ คนยังหน้าซีดเซียว เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ตามที่ครูเล่า<br />
มิส มองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกว่า...นักเรียนทราบไหมว่าคุณแม่ท่านนั้นเป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง<br />
ไหน ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนั้น ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ… เด็กคนนั้นยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อน ๆ ทั้งห้อง <br />
<b>"วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้าน มิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่า พวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมาก ๆ"</b><br />
มิสได้ทราบว่ามีหลาย ๆ คนไปล้อเลียนเพื่อน ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามี เราลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ<br />
มีนักเรียน 3-4 คน ยืนขึ้น ใบหน้าของแต่ละคนรู้สึกสำนึกผิด แล้วมิสก็ถามว่า ดีมากนักเรียน<br />
ตอนนี้คุณคงมีอะไรอยากจะพูดกับเพื่อนใช่มั๊ยคะ<br />
เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอ แล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความเต็มใจ<br />
ครูสาวน้ำตาคลอเบ้า ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มใจ<br />
ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำ ขมขื่นในหัวใจเล็ก ๆ ของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กไม่ทันคิด<br />
หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อน ๆ ได้สลายปมด้อยในใจของเขาไปจนสิ้น<br />
เหลือเพียงความรักและความภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น<br />
เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสได้เรียกลูกชายคุณแม่ เข้าไปคุยอีกครั้ง<br />
<b>"วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่ม้ยคะ"</b><br />
เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นว่า...<br />
<b>"ผม… ผม จะไปขอโทษคุณแม่ แล้ว… บอกคุณแม่ว่า ผมรักคุณแม่มากที่สุดในโลกเลยครับ"
</b><br /><br />
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b>
</p>
</body>
</html>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com7tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-7099731339066567762012-06-16T19:44:00.000+07:002012-09-30T09:05:28.200+07:00ศักดิ์ศรี<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น″ />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
เพราะศักดิ์ศรีเป็นจุดเปราะบางของเรา<br>
เป็นที่เกิดของทุกข์<br>
สิ่งใดก็ตามแม้แต่ขี้ปะติ๋ว<br>
หากกระทบศักดิ์ศรีของเราเมื่อใดก็เป็นเรื่องเมื่อนั้นทันที<br>
ถ้าเราเอาการดูแลรักษาศักดิ์ศรีเป็นเครื่องตัดสินว่า<br>
เราจะทำหรือไม่ทำอะไรในชีวิต<br>
เราควรจะระวังให้ดีว่า<br>
เราผูกศักดิ์ศรีของเราไว้กับอะไรบ้าง<br>
ตราบใด<a name='more'></a>ที่เรายังเป็นปุถุชนคงยังไม่พ้นความยึดมั่นในศักดิ์ศรี<br>
แต่อย่างน้อยที่สุดเราควรจะปรับปรุงมัน<br>
จนขึ้นอยู่กับการเป็นพุทธมามกะมากกว่าอย่างอื่น<br>
การมีอัตตาหรือการเป็นชาวพุทธที่ดียังมีความผิดอยู่<br>
แต่สำหรับนักปฏิบัติธรรมอาจใช้ความรู้สึกในศักดิ์ศรี<br>
มาหนุนกำลังความละอายต่อบาปในเบื้องต้น<br>
และเป็นขั้นตอนที่จะนำไปสู่ความปลอดภัยในที่สุด<br>
ทุกวันนี้เราเอาอะไรมาเป็นศักดิ์ศรีของตน ขอให้ดูให้ดี<br>
เพราะถ้าไม่ระวังในเรื่องนี้ เดี๋ยวจะกีดกั้นความเจริญในธรรม<br>
มัวแต่เป็นห่วงเรื่องมายา<br>
คือเอาแต่กังวลเรื่องความรู้สึกของเขาต่อเรา อย่างนี้ก็ยุ่ง<br>
ถ้าศักดิ์ศรีของเราขึ้นอยู่กับความมั่นใจว่า<br>
เขารักเราจริง เขาเคารพเราจริง เขากลัวเราจริง ฯลฯ<br>
อย่างนี้ไม่มีวันที่จะสงบได้<br>
เราจะอ่อนไหวต่อการกระทำของคนอื่นตลอดเวลา<br>
เขาทำอย่างนั้นแปลว่าอะไร<br>
เขาไม่ทำอย่างนั้นแปลว่าอะไร<br>
เขาพูดอย่างนั้นแปลว่าอะไร<br>
เขาเงียบอย่างนั้นแปลว่าอะไร<br>
เขายิ้นอย่างนั้นแปลว่าอย่างไร<br>
เขาหน้าตาเฉยอย่างนั้นแปลว่าอย่างไร<br>
เป็นนักแปลอย่างนี้เหน็ดเหนื่อยมาก<br><br>
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b>
</p>
</body>
</html>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2773670401537809181.post-36594669223704795062012-06-16T18:25:00.001+07:002012-09-30T09:05:56.964+07:00สิ่งที่เรามองข้าม<html>
<head><title>บทความดี</title>
<meta name="keywords" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น″ />
<meta name="description" content="บทความดี, บทความดีๆ, บทความสั้น" />
</head>
<body><p>
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความยับยั้งใจน้อยลง<br>
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ตระกูลของเรากลับเล็กลง<br>
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพอนามัยกลับแย่ลง<br>
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความริษยามากขึ้น<br>
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า<a name='more'></a><br>
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากลำบาก...<br>
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง<br>
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง<br>
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง<br>
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น<br>
ดังนั้น...จากนี้ไป...ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ<br>
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ "โอกาสที่พิเศษสุด" แล้ว<br>
จงแสวงหา การหยั่งรู้<br>
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ...อยาก....<br>
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น...<br>
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป<br>
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด<br>
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย<br>
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้<br>
เอาคำพูดที่ว่า...สักวันหนึ่ง...ออกไปเสียจากพจนานุกรม<br>
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน<br>
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น<br>
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย<br>
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง<br>
และเวลานี้...<br>
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมคิด<br>ว่า..สักวันหนึ่ง...วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้<br><br>
<b>Credit : <a href="http://happyhappiness.monkiezgrove.com/" rel="dofollow" title="บทความ">http://happyhappiness.monkiezgrove.com/</a></b>
</p>
</body>
</html>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17604295326120889207noreply@blogger.com0